ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2 /โดย ลงทุนแมน
“ซิลิคอนแวลลีย์ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นวิธีคิด”
คำกล่าวของ Reid Hoffman ผู้ก่อตั้ง LinkedIn แพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตซิลิคอนแวลลีย์
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในแง่สถานที่ ซิลิคอนแวลลีย์ คือ พื้นที่หุบเขาราว ๆ 1,500 ตารางกิโลเมตร บริเวณรอบอ่าวซานฟรานซิสโก ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
ซิลิคอนแวลลีย์ประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่ ที่ล้วนเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเหล่าบริษัทไอทีชั้นนำระดับโลก โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากคำว่า “ซิลิคอนชิป” ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นหน่วยความจำของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ส่วนในแง่วิธีคิด มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดปลูกฝังการศึกษาด้านอิเล็กทรอนิกส์ให้งอกงาม ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนากระบวนการผลิตนักศึกษาให้เป็นนักธุรกิจ
จนนำมาสู่การก่อตั้งบริษัทไอทีระดับโลกแห่งแรกในซิลิคอนแวลลีย์ คือ Hewlett Packard (HP)
หลังจากนั้น หุบเขาแห่งนี้ก็เบ่งบานไปด้วยบริษัทไอที ดึงดูดนักประดิษฐ์และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีจากทั่วโลก ให้เข้ามาสานฝันให้กลายเป็นความจริง
และเมื่อมี “วิธีคิด” ช่วยส่องสว่าง นวัตกรรมทุกอย่างก็จะมีหนทางไป..
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2
ด้วยอาณาบริเวณกว้างใหญ่รอบอ่าวซานฟรานซิสโก ต้นน้ำแห่งนวัตกรรมของซิลิคอนแวลลีย์จึงไม่ได้มีแค่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเท่านั้น
แต่เหนือขึ้นมาราว 50 กิโลเมตร ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์
มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก่อตั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และสร้างนักประดิษฐ์ วิศวกร ไปจนถึงผู้ประกอบการชั้นยอดมากมาย มาประดับวงการไอที
หนึ่งในนั้นคือ Fred Moore ผู้ก่อตั้งสมาคมคอมพิวเตอร์โฮมบรูว์ สมาคมที่เป็นสถานที่นัดพบของผู้คลั่งไคล้ในโลกของเทคโนโลยี เป็นที่แลกเปลี่ยนทางความคิด
โดยความปรารถนาสูงสุดของผู้คนในสมาคมนี้ คือการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้นมาเอง
ในช่วงปี 1975 ที่มีการก่อตั้งสมาคมแห่งนี้
ความสำเร็จของการประดิษฐ์ “ไมโครโพรเซสเซอร์” ที่ย่อส่วนแผงวงจรรวมจำนวนมากเข้ามาอยู่ด้วยกันในชิปขนาดเล็ก
ทำให้ขนาดของเครื่องคอมพิวเตอร์จากที่มีขนาดใหญ่โตเท่าห้อง มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ ราคาก็ถูกลงเรื่อย ๆ และด้วยหน่วยความจำที่มากขึ้น ความสามารถในการทำงานจึงสูงขึ้นและรวดเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ
Steve Wozniak นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้ชักชวนเพื่อนสมัยมัธยมที่ชื่อ Steve Jobs ให้มาเข้าร่วมสมาคมคอมพิวเตอร์แห่งนี้..
Steve Wozniak เป็นผู้คลั่งไคล้ในวิศวกรรมและมีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น เคยทำงานให้กับ Hewlett Packard
ส่วน Steve Jobs เป็นผู้มีหัวการค้า มีนิสัยกล้าคิดกล้าทำ เขาเคยทำงานให้กับบริษัทสร้างวิดีโอเกมชื่อ Atari และเคยทำงานในช่วงฤดูร้อนให้กับ Hewlett Packard ด้วยเช่นกัน
Wozniak ได้นำความรู้และประสบการณ์มาทดลองออกแบบคอมพิวเตอร์ด้วยแนวทางของตัวเอง โดยใช้ชิปเท่าที่จะหาได้ มาประกอบกับคีย์บอร์ด QWERTY และมีจอโทรทัศน์เป็นเครื่องแสดงผลในช่วงแรกเริ่ม
และเมื่อออกมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Jobs ก็เป็นผู้เสนอความคิดให้ลองนำสิ่งประดิษฐ์นี้ออกวางขายในเวลาต่อมา
ผลงานการประดิษฐ์ชิ้นนั้นของ Wozniak ถือเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นแรก ๆ ของโลก เครื่องคอมพิวเตอร์นี้ถูกตั้งชื่อต่อมาว่า “Apple I”
สิ่งสำคัญไม่แพ้การสนับสนุนจากสถาบันการศึกษาก็คือ “เสรีภาพทางความคิด”
ซิลิคอนแวลลีย์ มีสมาคมมากมายที่เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนทางความคิด นำเสนอไอเดีย จึงกลายเป็นวัฒนธรรมที่หล่อหลอมให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำ และเติบโตไปบนหนทางสร้างสรรค์ที่ตัวเองตั้งใจ
คอมพิวเตอร์ของ Wozniak ก็ถูกนำเสนอแก่สายตาสมาชิกในสมาคมโฮมบรูว์ในช่วงปลายปี 1975 ซึ่งหนึ่งในผู้เข้ามาร่วมชม คือ เจ้าของร้าน The Byte Shop ร้านขายของเบ็ดเตล็ดและอุปกรณ์ไอที
ที่เกิดความประทับใจกับคอมพิวเตอร์ชิ้นนี้มาก จึงได้สั่งซื้อคอมพิวเตอร์นี้ถึง 50 เครื่อง
แล้วก้าวแรกของบริษัท Apple ก็เริ่มต้นขึ้นในเมืองคูเปอร์ติโน ทางตอนใต้ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในอีก 1 ปีถัดมา..
ใครจะไปเชื่อว่า จากบริษัทเล็ก ๆ ที่มีผู้ก่อตั้งเป็นผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยี 2 คน
ในปี 1980 หลังการก่อตั้งเพียง 4 ปี บริษัทสามารถเติบโตจนเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นในฐานะบริษัทมหาชนได้สำเร็จ และได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ในตอนนี้..
เมื่อมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแล้ว อีกหนึ่งก้าวสำคัญของซิลิคอนแวลลีย์ ก็เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970s
นั่นก็คือ จุดเริ่มต้นของ “อินเทอร์เน็ต”
เมื่อบริษัทไอที ชื่อ Xerox ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยในเมืองพาโล อัลโต ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ชื่อว่า Xerox Palo Alto Research Center หรือ Xerox PARC
Xerox PARC ได้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีเชื่อมต่อ จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง ในยุคแรกที่มีชื่อว่า ระบบอีเทอร์เน็ต (Ethernet)
อีเทอร์เน็ต ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1973 โดยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับเครื่องพิมพ์ ผ่านเครือข่ายบริเวณระยะใกล้ หรือเครือข่าย LAN (Local Area Network)
ต่อมาในปี 1978 Vint Cerf ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ร่วมมือกับ Bob Kahn พัฒนาโพรโทคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
ซึ่งโพรโทคอลที่ว่านี้ คือชุดของขั้นตอนและกฎระเบียบ ทำให้ภายในชุดกฎระเบียบเดียวกัน ทั้ง 2 เครื่องจะสามารถเข้าใจระบบของกันและกัน และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้
โดยเฉพาะเลข Internet Protocol (IP) ที่เป็นการปูรากฐานให้กับโลกของอินเทอร์เน็ต
อุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจะต้องมีเลขนี้ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ บนระบบเครือข่ายรู้จักกัน โดย IP จะระบุว่า เครือข่ายต่าง ๆ ควรเชื่อมโยงกันอย่างไร
เมื่อโลกอินเทอร์เน็ตถูกปูรากฐาน ต่อมาในยุค 1980s ก็เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น
Doug Engelbart นักวิจัยจากสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด ได้มาทำงานให้ PARC และได้พัฒนาระบบส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ หรือ Graphic User Interface (GUI)
จากคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ ที่ใช้งานยากและต้องใช้งานผ่านตัวอักษร
ระบบ GUI ได้เข้ามาช่วยเปลี่ยนการใช้งานให้ง่ายขึ้นผ่านทางสัญลักษณ์หรือภาพ เช่น ไอคอน หน้าต่างการใช้งาน เมนู ปุ่มเลือก รวมถึงการพัฒนา “ตัวชี้ตำแหน่ง X-Y” ซึ่งต่อมาก็คือ “เมาส์”
ทั้งระบบ GUI และเมาส์นี่เอง ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ Steve Jobs นำสิ่งเหล่านี้มาพัฒนาและเกิดเป็น “Macintosh” ในปี 1984 ซึ่งถือเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก ๆ ที่มีการออกแบบอย่างเข้าใจผู้ใช้งาน
ในเวลานี้ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ครัวเรือนชาวอเมริกันที่ครอบครองคอมพิวเตอร์เพิ่มจากร้อยละ 5 ในช่วงต้นทศวรรษ 1980s
มาเป็นร้อยละ 20 ในปี 1989
โลกอินเทอร์เน็ตถูกเชื่อมโยงเข้ากับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเปิดทางให้เกิดการพัฒนา World Wide Web ในช่วงปี 1989 ซึ่งมีจุดเริ่มต้นเมื่อ นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัย CERN ในสวิตเซอร์แลนด์ ต้องการส่งข้อมูลให้กับเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก
World Wide Web, WWW คือ ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต จากแหล่งข้อมูลหนึ่ง ไปยังแหล่งข้อมูลที่อยู่ห่างไกลทั่วโลก ให้มีความง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด
โดยผ่านซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า “เบราว์เซอร์”
แล้ว “สาธารณชน” ในยุค 1990s ก็เข้าถึงโลกอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก!
สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่มีผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตสัดส่วนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในปี 1996 มีชาวอเมริกันเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงถึงร้อยละ 16
ในขณะที่หลายประเทศในยุโรปตะวันตกยังเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไม่ถึงร้อยละ 5
การเกิดขึ้นของ World Wide Web ทำให้ย่านซิลิคอนแวลลีย์เริ่มคึกคักไปด้วยบริษัทที่มีโมเดลทำรายได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ถูกมองว่าเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต ขึ้นมามากมาย
และสิ่งสำคัญที่สุด ที่มีมาตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทไอทีในยุค 1950s คือ ธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ Venture Capital ดึงดูดให้บริษัทสตาร์ตอัปมากมาย หลั่งไหลเข้ามาใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเหล่านี้
นักศึกษาปริญญาเอกสาขาคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 2 คน
คือ Larry Page และ Sergey Brin ได้ร่วมกันพัฒนาโปรแกรมสำหรับใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตในรูปแบบของ Search Engine
โดยใช้การทำงานของ Robot ที่ชื่อว่า Spider ซึ่งเป็นตัวสำรวจข้อมูล เมื่อพบข้อมูลที่ต้องการก็จะส่งข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทาง
ปี 1998 ทั้ง 2 คน ได้ตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Google” ในเมืองเมนโลพาร์ก และ IPO เข้าสู่ตลาดหุ้นในอีก 5 ปีถัดมา
แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับบริษัท Apple เพราะอีก 20 ปีต่อมา บริษัท Google ที่เปลี่ยนชื่อเป็น Alphabet ก็ได้กลายมาเป็น บริษัทที่มีมูลค่าเป็นอันดับ 5 ของโลก..
แม้ความรุ่งเรืองจากการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต จะพาซิลิคอนแวลลีย์เข้าสู่การเติบโตที่รวดเร็วเกินไปจนเกิดวิกฤติฟองสบู่ดอตคอมในช่วงก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 จนสร้างความเสียหายหลายบริษัทและนักลงทุนในตลาดหุ้นจำนวนมาก
แต่อย่างไรก็ตาม วิกฤติครั้งนั้น ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการพัฒนาของเทคโนโลยี ณ หุบเขาแห่งนี้ได้
หลังจากวิกฤติไม่นาน ก็มีการพัฒนาระบบ IPv6 ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลน IP ช่วยให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น นอกเหนือจากเครื่องคอมพิวเตอร์
ซึ่งปูทางมาถึงการเกิดขึ้นของ “สมาร์ตโฟน” โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถในการใช้งานมัลติมีเดีย และเชื่อมต่อเข้ากับโลกอินเทอร์เน็ตอย่างไร้รอยต่อ ด้วยระบบ IPv6
หนึ่งในสมาร์ตโฟนที่โดดเด่นที่สุดก็คือ iPhone จากบริษัท Apple ที่เปิดตัวในปี 2007
เช่นเดียวกับ Google ที่ได้เข้าซื้อบริษัท Android และเปิดตัวโทรศัพท์แอนดรอยด์ในปี 2008
และทั้งสองก็แข่งขันกันพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเอง
เมื่อผู้คนเริ่มใช้สมาร์ตโฟนมากขึ้น นำมาสู่การเกิดขึ้นของ “Application” ซอฟต์แวร์ที่ใช้เพื่อช่วยการทำงานต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน
โดยแอปพลิเคชัน จะมีส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface) หรือ UI เพื่อเป็นตัวกลางในการใช้งานให้ราบรื่น
และด้วยความที่ซิลิคอนแวลลีย์เต็มไปด้วย Venture Capital ที่คอยให้เงินทุนสนับสนุนไอเดียล้ำ ๆ
หุบเขาแห่งนี้ จึงยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดบริษัทใหม่มากมาย โดยเฉพาะบริษัทที่จะมาสร้างสรรค์เครือข่ายสังคมออนไลน์..
ปี 2003 LinkedIn เกิดแพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน
ก่อตั้งโดย Reid Garrett Hoffman วิศวกรที่เคยทำงานให้กับ Apple
ปี 2004 เกิด Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก
ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการคิดค้นวิธีการเชื่อมผู้คนในรูปแบบใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ของ Mark Zuckerberg พร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน
ปี 2006 หลังออกจากมหาวิทยาลัย Jack Dorsey พร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน
ได้ก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ประเภท Microblog ที่แสดงข้อความสั้น ๆ ความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร
โดยคิดค้นชื่อที่มาจากคำว่า Tweet ซึ่งแปลว่าเสียงนกร้อง Logo ของบริษัทจึงเป็นรูปนก และบริษัทนี้มีชื่อว่า Twitter
ปี 2009 เกิด WhatsApp แอปพลิเคชันในการติดต่อสื่อสารด้วยข้อความ ก่อตั้งโดย Jan Koum โปรแกรมเมอร์ที่เห็นประโยชน์จากการเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟน
บริษัททั้งหมดล้วนมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในซิลิคอนแวลลีย์
หุบเขาแห่งเทคโนโลยีแห่งนี้ยังคงดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้เข้าไปเติมเต็มความฝัน เพื่อสร้างสรรค์อุปกรณ์ไอทีที่ไฮเทคขึ้นเรื่อย ๆ
และเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกของเครือข่ายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและเชื่อมต่อกันและกัน หรือเรียกว่า “Internet of Things” ที่จะเข้ามามีบทบาทในทุกย่างก้าวของชีวิต
ความสำเร็จของอุตสาหกรรมไอทีที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นมหาอำนาจของโลก ล้วนมีที่มาจากหลายปัจจัย
ทั้งระบบการศึกษาที่เข้มแข็ง ที่สร้างองค์ความรู้และช่วยวางรากฐานสู่โลกธุรกิจ
วัฒนธรรมแห่งเสรีภาพ ที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
แหล่งเงินทุน ที่เข้าถึงง่ายและมีหลากหลายรูปแบบ
และเครือข่ายผู้คิดค้นนวัตกรรมที่เติมเต็มความฝันต่อยอดกันไปไม่รู้จบ
หากถามว่า อิทธิพลทางเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาจะคงอยู่อีกนานแค่ไหน ?
เมื่อไรที่มนุษย์จะหยุดฝัน เมื่อนั้นอาจเป็นคำตอบ..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-มิเชลล์ ควินน์, เมื่อซิลิคอนแวลลีย์เติบใหญ่ นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2562
-https://www.parc.com/about-parc/parc-history/
-https://www.internetsociety.org/wp-content/uploads/2017/09/ISOC-History-of-the-Internet_1997.pdf
-https://searchnetworking.techtarget.com/definition/TCP-IP
-https://www.lifewire.com/transmission-control-protocol-and-internet-protocol-816255
-https://tradingeconomics.com/united-states/personal-computers-per-100-people-wb-data.html
-https://www.businessinsider.com.au/highest-valued-public-companies-apple-aramco-biggest-market-cap-2020-1
-https://www.forbes.com/profile/reid-hoffman/#5f276ca61849
-http://startitup.in.th/the-rags-to-rich-jan-koum-whatsapp-co-founder-startup-story/
-https://www.set.or.th/set/enterprise/html.do?name=vc
同時也有159部Youtube影片,追蹤數超過16萬的網紅Driver's High Channel,也在其Youtube影片中提到,WagonR SMILE SUBSCRIBE https://goo.gl/cgGfrK Twitter https://twitter.com/D_H_Channel Instagram https://www.instagram.com/drivers_high_channel/?hl=ja...
「transmission line」的推薦目錄:
- 關於transmission line 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於transmission line 在 Facebook 的最讚貼文
- 關於transmission line 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於transmission line 在 Driver's High Channel Youtube 的最佳貼文
- 關於transmission line 在 Team Torinotume : Gaming Youtube 的最佳貼文
- 關於transmission line 在 Driver's High Channel Youtube 的最佳解答
transmission line 在 Facebook 的最讚貼文
Rode เปิดตัว Rode Wireless GO II
เป็น Dual Channel Wireless 2 ตัวส่ง 1 ตัวรับ สามารถแยกรับได้เป็นอิสระต่อกัน
ใครที่เคยใช้ Wireless Microphone แบบ 2 ตัวส่ง 1 ตัวรับ ที่เป็น WiFi คงทราบกันดีว่าสัญญาณจะไม่ค่อยเสถียร โดยเฉพาะเวลาอยู่ในบริเวณมีสัญญาณคลื่น WiFi รบกวนค่อนข้างมาก
และมักจะรวมสัญญาณ Microphone 2 ตัวมาใน Track เดียวกัน ทำให้ขั้นตอนการนำเสียงมาใช้งานยุ่งยาก เช่น มีผู้ดำเนินรายการ 2 คน คนนึงพูดเบา คนนึงพูดดัง ขั้นตอนการทำให้ระดับเสียงใกล้เคียงกันในภายหลังจะเพิ่มงานเข้ามาค่อนข้างมาก
•Rode Wireless GO II ออกแบบมาโดยคำนึงถึงจุดนี้ แยก Channel 1 และ 2 เป็นอิสระต่อกัน จะเลือกบันทึกเป็น 1 หรือ 2 Track L R ก็ได้ (เลือกได้ว่าจะบันทึกในระบบ Mono หรือ Stereo)
•มีระยะการส่งสัญญาณได้ถึง 200 เมตร โดยการใช้วิธีเข้ารหัสข้อมูลเฉพาะ เพื่อให้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวนสูงได้
[Series IV 2.4GHz digital transmission, 128-bit encryption – crystal-clear audio at up to 200m (line of sight)]
•สามารถบันทึกข้อมูลเสียงลงบนหน่วยความจำบนตัวรับได้ มีระยะเวลาในการบันทึกถึง 24 ชั่วโมง แบบบีบอัด และ 7 ชั่วโมงแบบไม่บีบอัดโดยไม่จำเป็นต้องต่ออุปกรณ์อื่น เช่น กล้อง หรือคอมพิวเตอร์ ทำให้ใช้งาน เป็นเครื่องบันทึกเสียงได้
•ให้พอร์ทการเชื่อมต่อทั้ง Analog และ Digital 3.5mm TRRS และ USB-C ต่อสามารถต่อกับอุปกรณ์ เช่น กล้อง คอมพิวเตอร์ หรือ iOS Device ได้
•ทำงานต่อเนื่องได้นาน 7 ชั่วโมง
•มี Gain Control สำหรับปรับระดับสัญญาณ (ใช้ได้กับ 3.5mm Analog เท่านั้น)
•ปรับปรุงขั้วการติด Windshields ใหม่ ทำให้ติดกับตัว Microphone ได้แน่นขึ้น
•สามารถใช้ Rode Central Application บน Computer เพื่อปรับตั้งค่าต่าง ๆ ของ Wireless GO II ได้ ทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นมาก
ถ้ามีโอกาสจะนำมาทดลอง และรายงานผลการใช้งานนะครับ
#RODE #RODEWirelessGO #2how
transmission line 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
Thailand Dilemma ทางเลือกที่กระอักกระอ่วน ของประเทศไทย /โดย ลงทุนแมน
ประเทศไทย ควรจะเปิดประเทศได้หรือยัง?
เราควรจะเลือกทางไหน ระหว่างเปิดประเทศเพื่อฟื้นการท่องเที่ยว
หรือปิดต่อไป เพื่อไม่ให้ทั้งประเทศต้องโดนล็อกดาวน์อีกครั้ง ทำให้เศรษฐกิจในประเทศยังไปต่อได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เหมือนเดิม แต่ก็ยังมีกิจกรรมภายในประเทศอยู่
แต่ถ้ามีเฉพาะในประเทศ แล้วแรงงานทั้งระบบที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจะเป็นอย่างไร?
คำถามนี้ ทำให้เกิดภาวะ “Dilemma”
หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า กระอักกระอ่วน
คือไม่ว่าเราจะเลือกตอบแบบไหน ก็ลำบากใจไม่แพ้กัน
แล้วเรื่องนี้มันเป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
อีกครั้งกับกรณีศึกษาธุรกิจมากมายที่จะช่วยเปิดกว้างมุมมองความรู้ของคุณ
ใน ลงทุนแมน 13.0 เล่มล่าสุด สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ที่
Lazada: https://www.lazada.co.th/products/130-i1587474257-s4309842746.html
Shopee: https://shopee.co.th/Longtunman-หนังสือลงทุนแมน-13.0-i.116732911.7453767586
╚═══════════╝
การระบาดของ COVID-19 ตั้งแต่ต้นปี
ส่งผลให้แต่ละประเทศต้องปิดประตูให้กับชาวต่างชาติ
เพื่อป้องกันการนำเข้าโรคระบาดจากต่างประเทศ
รวมถึงประเทศไทย ที่ปิดไม่ให้ชาวต่างชาติเข้ามา ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม
พอเป็นแบบนี้ก็หมายความว่า
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เคยเดินทางเข้ามาในไทย ก็หายไปจนเกือบหมด
ซึ่งการหายไปของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลกระทบกับรายได้ของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และธุรกิจที่เน้นให้บริการชาวต่างชาติ
ยกตัวอย่างเช่น โรงแรมและที่พัก, ร้านอาหาร, สายการบิน, โรงพยาบาลที่เน้นให้บริการชาวต่างชาติ
ซึ่งจากสถิติรายได้ภาคการท่องเที่ยวจากชาวต่างชาติ ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในปี 2019 ประเทศไทย มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 1.9 ล้านล้านบาท
เมื่อเทียบกับ GDP ประเทศไทยที่ประมาณ 15.9 ล้านล้านบาท
รายได้ส่วนนี้ จะคิดเป็นประมาณ 12% ของ GDP
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ประเทศไทยประกาศล็อกดาวน์
สถานการณ์ต่างๆ ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยมา
จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศค่อยๆ ลดลง จนแทบไม่มีผู้ติดเชื้อใหม่แบบ Local Transmission หรือติดต่อกันเองภายในประเทศ
ทำให้จากเดิมที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์
ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายจนทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เกือบจะเหมือนปกติ
ผู้ประกอบการบางอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวกลับมา เช่น กลุ่มค้าปลีก
คนเริ่มมีความมั่นใจที่จะออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ที่สามารถขับรถ
ไปได้ เช่น พัทยา และ หัวหิน
แต่ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ก็คือ
ขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมในประเทศกำลังค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมา ก็ยังมีบางกลุ่มที่แย่ลง หรือยังฟื้นตัวกลับมาได้ยาก ยกตัวอย่างเช่น
ผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก และธุรกิจรถให้เช่า ในจังหวัดที่เคยมีนักท่องเที่ยงต่างชาติเดินทางไปจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น จังหวัดภูเก็ต
สายการบิน ที่ขาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ธุรกิจโรงพยาบาลที่เน้นให้บริการชาวต่างชาติ เช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ที่มีรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติมากถึง 66%
และมีอีกหลายกลุ่มที่กำลังได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศ ที่ยังไม่ได้พูดถึง
แล้วถ้าเลือกอีกทาง คือ เปิดประเทศให้ชาวต่างชาติกลับเข้ามา มันจะเป็นอย่างไร?
แน่นอนว่า ถ้าชาวต่างชาติกลับมาได้เหมือนเดิม
ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่กำลังได้รับผลกระทบตามที่ว่ามา ก็จะเริ่มฟื้นตัวกลับมาได้
แต่เรื่องนี้ ก็จะตามมาด้วยความเสี่ยงในการเกิดการระบาดของ COVID-19 รอบสอง ในไทย
และถ้าการระบาดกลับมารุนแรงมากๆ
ก็อาจต้องปิดเมือง ปิดประเทศ ทำการล็อกดาวน์เหมือนก่อนหน้านี้กันอีกครั้ง
ซึ่งก็ต้องประเมินกันให้ดี ว่าถ้าการระบาดรอบสองเกิดขึ้น
เราพร้อม หรือเราอยากจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนตอนช่วงล็อกดาวน์อีกครั้งหรือไม่?
ซึ่งตรงนี้ มีอีกประเด็นที่น่าสนใจ
นั่นคือ “มุมมอง” ต่อความอันตรายของโรคนี้
คือถ้าเราไปดูตัวอย่างของบางประเทศ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา ที่การระบาดยังคงรุนแรง
จะเห็นว่า คนจำนวนมาก รวมถึงผู้นำประเทศ อย่าง ดอนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้กลัวการระบาดของโรคนี้สักเท่าไร และยังมองว่า COVID-19 เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาประเภทหนึ่ง
นอกจากนั้น คนอเมริกันบางส่วนยังมีมุมมองว่า การปิดเมือง ล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้คนขาดรายได้จากการทำงาน เป็นเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าออกไปเจอ COVID-19
แต่สำหรับ “มุมมองของคนไทย” ต่างจากประเทศทางตะวันตกอย่างชัดเจน
มันก็คงเปรียบเหมือนเวลาเราใส่รองเท้าสีขาว
คนที่รองเท้าเลอะไปแล้ว ก็ไม่ได้กังวลมากว่ารองเท้าจะเลอะเพิ่มหรือไม่ เขากล้าใส่รองเท้าไปลุยตามที่ต่างๆ
แต่สำหรับคนที่เคยรองเท้าเลอะนิดหน่อยและเช็ดออกแล้ว แบบประเทศไทย ก็คงไม่อยากที่จะใส่รองเท้าไปลุยข้างนอกเหมือนกับคนกลุ่มแรก
อย่างไรก็ตาม บางคนอาจมองว่า รองเท้าไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใส่อยู่บ้าน
มีหลายธุรกิจที่กระทบหนัก จนอยากกลับมาใส่รองเท้าอีกครั้ง
สรุปแล้ว ไม่ว่าจะเลือกเปิดประเทศ หรือปิดประเทศ
ไม่ว่าเลือกแบบไหน ก็มีต้นทุนที่ต้องเสียทั้งนั้น
ถ้าเลือกเปิดประเทศ ก็ได้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมา แต่เสี่ยงเกิดการระบาดรอบสอง
แต่ถ้าเลือกปิดต่อไป เพื่อให้เศรษฐกิจในประเทศยังไปต่อได้ ก็ต้องยอมรับว่า หลายกิจการ อาจต้องปิดตัวไปเพราะทนรอชาวต่างชาติต่อไปไม่ไหว
สุดท้ายแล้วคำถามนี้ ก็คงตอบได้ลำบาก
ว่าเลือกแบบไหนดีกว่ากัน และแบบไหนถูก แบบไหนผิด
เพราะนอกจากเรื่องผลกระทบของ COVID-19 ต่อเศรษฐกิจแล้ว
การจะเลือกตอบคำถามนี้อย่างไร
ยังขึ้นอยู่กับว่า ใครมี “มุมมอง” แบบไหน? ต่อโรคระบาดในครั้งนี้ด้วย
พออ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่าความเห็นของแต่ละคนใต้บทความนี้ ก็จะมีมุมมองที่ไม่เหมือนกัน
ซึ่งเรื่องนี้ ก็คือ ความกระอักกระอ่วน
ที่เป็น “Dilemma” ของไทยในตอนนี้ นั่นเอง..
╔═══════════╗
อีกครั้งกับกรณีศึกษาธุรกิจมากมายที่จะช่วยเปิดกว้างมุมมองความรู้ของคุณ
ใน ลงทุนแมน 13.0 เล่มล่าสุด สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ที่
Lazada: https://www.lazada.co.th/products/130-i1587474257-s4309842746.html
Shopee: https://shopee.co.th/Longtunman-หนังสือลงทุนแมน-13.0-i.116732911.7453767586
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-สถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย ปี 2562 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
transmission line 在 Driver's High Channel Youtube 的最佳貼文
WagonR SMILE
SUBSCRIBE
https://goo.gl/cgGfrK
Twitter
https://twitter.com/D_H_Channel
Instagram
https://www.instagram.com/drivers_high_channel/?hl=ja
Spec
【Engine】In-line 3-cylinder
【Total displacement】0.657L
【Max Power】36kW(49PS)/6,500rpm
【Max Torque】58N•m(5.9kgf•m)/5,000rpm
【Motor】
【Max Power】1.9kW(2.6PS)/1,500rpm
【Max Torque】40N•m(4.1kgf•m)/100rpm
【WLTC】23.6km/L
【WLTC-L】21.5km/L
【WLTC-M】24.3km/L
【WLTC-H】24.2km/L
【Fuel】Unleaded Regular Gasoline
【Tank capacity】27L
【Drive system】4WD
【Transmission】CVT
【Price】JPY 1,716,000~(without option)
#suzuki #wagonr #wagonrsmile
transmission line 在 Team Torinotume : Gaming Youtube 的最佳貼文
ホラーゲーム企画 烏の爪 第469弾。
今回の実況プレイは「Transmission」です。
家族の事件を捜査する男の物語を描く短編ホラーゲームのはずだったが...
▼「Transmission」ダウンロード
https://tommysh.itch.io/transmission
▼「Tiptoe through the tulips- Tiny Tim LYRICS ON SCREEN」
https://www.youtube.com/watch?v=_eQQKVKjifQ&t=5s
▼フリーホラーゲーム再生リスト
https://www.youtube.com/playlist?list=PLEc5I2wIh6NVoM04nCmOF1I9VGlMTkPEA
▼このゲームが好きな人はきっとこの実況も好き!
✅ このホラーゲーム、理解できる人マジで0人説
https://youtu.be/8dcVBGvumUs
✅ 心臓が主人公のアートすぎるホラゲ
https://youtu.be/vBKjMUxlPaQ
#ホラーゲーム #絶叫
いつも動画を見てくれてありがとうございます!
少しでも楽しんでくれたら高評価やコメントしていただけると励みになります!
----------------------🦉SNSなど🦉----------------------
✅チャンネル登録(入団)
Thank you for watching. Subscribe please.
⇨ http://bit.ly/2FdMc2B
✅鳥の爪団 総統のTwitter
⇨ https://twitter.com/torinotume
✅鳥の爪団 公式ブログ「とりつめブログ」
⇨ https://torinotume.com/
✅ふくろうのポケット(もう一つのチャンネル)
⇨ https://www.youtube.com/channel/UCOzmKyu7Tc0fN4lGNykjbcQ
✅鳥の爪団 「OFFICIALグッズストア」
⇨ https://suzuri.jp/torinotume
✅LINEスタンプ
⇨ https://goo.gl/spvHgK
✅最新動画
⇨ http://bit.ly/2Fd2apu
---------🦉メンバーになって大佐に昇進!🦉---------
----------------------------------------
🦉メンバー登録とは?
----------------------------------------
鳥の爪団の "大佐" になれます【月額490円】
★限定絵文字の使用やバッジが付きます
★コメントが目立つ為、生放送で読まれる可能性がアップします
★限定動画の"視聴"と限定放送の"視聴"ができます
★制作の裏舞台など "コミュニティ投稿" が見れます
----------------------------------------
🦉メンバー登録方法は?
----------------------------------------
①こちらにアクセス
https://www.youtube.com/channel/UCjNghsTl-iolNxJqu0gQFAA/join
②メンバーになるを押す
③情報を登録
④これで今日から大佐(メンバー)だ!
----------------------🦉素材提供など🦉----------------------
・OtoLogic 様
・DOVA-SYNDROME 様
など
transmission line 在 Driver's High Channel Youtube 的最佳解答
WagonR SMILE
SUBSCRIBE
https://goo.gl/cgGfrK
Twitter
https://twitter.com/D_H_Channel
Instagram
https://www.instagram.com/drivers_high_channel/?hl=ja
Spec
【Engine】In-line 3-cylinder
【Total displacement】0.657L
【Max Power】36kW(49PS)/6,500rpm
【Max Torque】58N•m(5.9kgf•m)/5,000rpm
【Motor】
【Max Power】1.9kW(2.6PS)/1,500rpm
【Max Torque】40N•m(4.1kgf•m)/100rpm
【WLTC】23.6km/L
【WLTC-L】21.5km/L
【WLTC-M】24.3km/L
【WLTC-H】24.2km/L
【Fuel】Unleaded Regular Gasoline
【Tank capacity】27L
【Drive system】4WD
【Transmission】CVT
【Price】JPY 1,716,000~(without option)
#suzuki #wagonr #wagonrsmile
transmission line 在 Transmission Line Basics 的相關結果
Key Parameters for Transmission Lines. Transmission Line Equations. Analysis Approach for Z. 0 and T d. ... <看更多>
transmission line 在 What is Transmission Lines? - Parameters and ... 的相關結果
A transmission line is used for the transmission of electrical power from generating substation to the various distribution units. It transmits the wave of ... ... <看更多>
transmission line 在 Transmission line - Wikipedia 的相關結果
In electrical engineering, a transmission line is a specialized cable or other structure designed to conduct electromagnetic waves in a contained manner. ... <看更多>